คำสอน…..
ดังนี้…..ต้นเหตุของความเจริญ คือ ความดี และ เมื่อสร้างความดีไว้พร้อมแล
้ว ความเจริญก็จะตามมา ดังนั้น
ในการพัฒนาตนเอง เราจึงต้องสร้างความดีให้เกิดขึ้นในตัวตนของเราก่อน ซึ่งเมื่อเราสร้างความดีไว้ พร้อมแล้ว ความเจริญก็จะตามมาเอง ความดี คืออะไร?
ความดี ที่เรากล่าวถึงในที่นี้ หมายความถึง คุณงามความดี ที่ครอบคลุมทุกส่วนของคุณสม
บัติของคุณธรรมความดี ที่เป็นคุณลักษณะสำคัญ ทั้งในขั้นหยาบที่เป็นพื้นฐ าน และในขั้นละเอียดที่สูงขึ้น ดังต่อไปนี้ เช่น ความขยันหมั่นเพียร
ความกระตือรือร้น
ความมุ่งมั่นพยายาม
ความอดทนอดกลั้น
ความไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคปัญหา
ความรับผิดชอบ
ความละเอียดรอบคอบ
ความรักและเข้าใจในผู้อื่น
ความเมตตากรุณา
ความกตัญญูกตเวทิตา
ความซื่อสัตย์
ความซื่อตรง
ความเกรงใจ ใส่ใจ และนึกถึงผู้อื่น
การนึกถึงและให้ประโยชน์ต่อส่วนรวม
ความรักในความสามัคคี
ความมีมุทิตา
ความจริงใจ
ความประหยัดมัธยัสถ์
ความประมาณตน
ความไม่ประมาท
ความกล้าหาญ
ความเสียสละ
ความยุติธรรม
ความสำรวมความคิด – คิดแต่สิ่งดี
ความสำรวมวาจา – พูดแต่สิ่งดี
ความสำรวมกาย – ทำแต่สิ่งที่ดี
ความมีสัมมาคารวะ
ความถ่อมตน
การพึ่งพาตนเอง ไม่เบียดเบียนผู้อื่น
ความสมถะ เรียบง่าย
การมองความจริงและยึดถือความจริง
ความใฝ่ดีและยึดมั่นในความดี
ความฝักใฝ่เรียนรู้ในสิ่งที่เป็นประโยชน์
ความใฝ่พัฒนาตนเอง
ความไม่ยึดติดในอัตตาตัวตนของตนเอง
ความศรัทธาในหลักธรรม
ฯลฯโดยหากบุคคลสามารถพัฒนาคุณง
ามความดีต่าง ๆ เหล่านี้ ให้เกิดขึ้นในตัวตนของตัวเอ งได้แล้ว สิ่งต่าง ๆ ทั้งหลาย ที่ต้องการเสริมสร้างเรียนร ู้และฝึกฝนต่อมา ที่อาจเป็น ความฉลาดหรือความเก่ง ที่คนทั้งหลายยกย่อง ที่อาจเกิดจากพรสวรรค์หรือท ักษะศักยภาพที่มีอยู่ในตัว หรืออาจเกิดจากการแสวงหาควา มรู้และหมั่นฝึกฝนจนเกิดเป็ นทักษะความชำนาญ ใด ๆ ก็ตามนั้น จะถูกส่งออกไปจากระดับความค ิดจิตใจและตัวตนภายในของตัว เอง ออกไปเป็นความเจริญงอกงามภา ยนอกในระดับพฤติกรรมการกระท ำที่มั่นคงยั่งยืนและสำเร็จ งดงาม โดยบุคคลนั้นจะไม่มีโอกาสเอ าตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้องกับ การให้ร้ายให้โทษผู้อื่น ในการไปละเมิดล่วงเกินเบียด เบียนผู้อื่น หรือในการแข่งขันทำให้แตกแย กกับผู้อื่น แต่จะมากไปด้วยการสร้างคุณป ระโยชน์ให้กับผู้อื่น ที่จะนำพาความสุขความสบายใจ มาสู่ตนเองและผู้อื่น อีกทั้งยังนำความภาคภูมิใจแ ละความสุขความเจริญมาสู่ตนเ องและบุคคลที่เป็นที่รัก อีกด้วย และในทางกลับกัน หากการเสริมสร้างความรู้และ
ความเก่ง ที่ไม่มีความดีเป็นพื้นฐานร องรับนั้น บุคคลจะมีภัยอันตรายในชีวิต อย่างร้ายแรง เพราะบุคคลนั้นจะเอาความรู้ และความเก่งของตนเองไปทำร้า ยให้โทษตนเองและผู้อื่น ซึ่งสุดท้ายก็จะย้อนกลับมาท ำลายตัวเอง ในลักษณะต่าง ๆ เช่น – ด้วยการเอาตัวเองเปรียบเทีย
บกับผู้อื่น โดยกับผู้ที่ด้อยกว่า ก็จะ โอ้อวด เยาะเย้ย ถากถาง ซ้ำเติม ดูถูก และกับผู้ที่เหนือกว่า ก็จะ แข่งขัน ชิงดีชิงเด่น ท้าทาย ห้ำหั่น สร้างความอิจฉาริษยา เกิดความโกรธแค้น และหาทางทำลาย เป็นต้น – ด้วยการตั้งความหวังให้กับต
ัวเองหรือด้วยความคาดหวังจา กผู้อื่น โดยเมื่อไม่ได้ตามที่หวัง ก็จะเกิด ความผิดหวัง ความเสียใจ ไม่สบายใจ ความเครียด ความทุกข์ใจ เป็นโรคซึมเศร้า ไม่มีความสุข เป็นต้น – ด้วยการถูกขัดผลประโยชน์หรื
อด้วยความต้องการแย่งชิงผลป ระโยชน์ โดยจะเกิด การตัดหน้า การหักหลัง การคดโกง การหลอกลวง ต้มตุ๋น จี้ ปล้น การทุจริต การฉ้อโกง เป็นต้น
ฯลฯซึ่งผลจากการพัฒนาความรู้แล
ะความเก่ง โดยไม่มีพื้นฐานของความดีรอ งรับนั้น จะนำพาบุคคลสู่ความล้มเหลว ตกต่ำ และหายนะ เพราะบุคคลนั้นจะต้องพบเจอก ับผลของสิ่งที่ตัวเองกระทำไ ว้ ซึ่งอาจเป็นการเจอะเจอกับคน ที่ไม่ยอมและตอบโต้เอาคืนกล ับ หรืออาจต้องพบกับกรรมตามสนอ งในรูปแบบอื่น ที่บุคคลนั้นต้องพบจุดจบที่ ไม่ดี ที่อาจกระทบต่อความปลอดภัยใ นชีวิตร่างกาย สูญเสียทรัพย์สินเงินทอง เสื่อมเสียภาพลักษณ์ชื่อเสี ยง หรือสูญเสียอิสรภาพด้วยการถ ูกลงโทษจองจำ เป็นต้น ฉะนั้น
ในการให้การศึกษาที่เป็นการพัฒนาเด็กนักเรียนที่แท้จริ ง คือ การสร้างคุณงามความดีทั้งหล ายทั้งมวลต่าง ๆ เหล่านี้ ให้เกิดขึ้นในตัวเด็กนักเรี ยนให้ได้ก่อนเป็นอันดับแรก ก่อนที่จะก้าวไปสู่การพัฒนา ทักษะความรู้หรือความเก่งทา งโลก โดยให้เด็กนักเรียนได้มีคุณ สมบัติที่ดีมีความพร้อม ซึ่งเป็นการสร้างพื้นฐานที่ สำคัญสุดในการเรียนรู้และกา รพัฒนาตนเอง ซึ่งเมื่อคุณธรรมความดีได้เ กิดขึ้นในตัวเด็กนักเรียนแล ้ว เด็กนักเรียนจะสามารถนำพาคว ามรู้และความเก่งให้เจริญงอ กงามขึ้นให้กับตัวเองได้ด้ว ยตัวเอง โดยไม่ต้องมีการบังคับ ขับเคี่ยว ขู่เข็ญ โดยไม่ต้องมีผลประโยชน์ รางวัล หรือสิ่งตอบแทน หรือโดยไม่ต้องมีการชื่นชม ยอมรับ หรือยกย่อง แต่เด็กนักเรียนจะสามารถนำพ าความเจริญมาสู่ตนเองด้วย ความรัก ความเข้าใจ ความเคารพ และความนับถือในตนเอง ซึ่งความรักความเข้าใจและคว ามเคารพนับถือตนเองนี้ เป็นสิ่งสำคัญที่จะนำพาให้บ ุคคลใด ๆ มีความเจริญก้าวหน้าในชีวิต ยิ่งขึ้นต่อไปอย่างไม่หยุดย ั้ง ที่เป็นความเจริญก้าวหน้าใน ชีวิตอย่างแท้จริง โดยเมื่อเติบใหญ่หรือแก่ตัว ลง บุคคลนั้นจะไม่มีวันพบคำว่า ผิดพลาด ตกต่ำ หรืออับจน เพราะบุคคลนั้นจะยังคงสามาร ถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้อ ย่างไม่มีที่สิ้นสุด และเมื่อเกิดปัญหา บุคคลนั้นก็พร้อมเปลี่ยนแปล งแก้ไขตนเอง ด้วยการให้อภัย ให้โอกาสตัวเอง และเป็นกัลยาณมิตรหรือเพื่อ นที่ดีของตัวเอง ด้วยการปลอบตัวเอง ให้กำลังใจตัวเอง ให้รีบลุกขึ้นมายืนหยัดและเ ดินหน้าต่อ ด้วยความหวังอย่างสุขใจ โดยพร้อมเก็บเกี่ยวประสบประ การณ์เป็นกำไรให้กับชีวิต เพื่อประโยชน์สุขแห่งตน ให้ตนเองได้มีความรอบรู้ มากด้วยประสบการณ์ และมีปัญญาเพิ่มพูนให้มากยิ ่งขึ้น เพื่อก้าวเดินต่อไปในชีวิตส ู่เป้าหมายอย่างกล้าหาญและม ั่นคง และสิ่งที่ได้กล่าวมาคือ หลักคุณงามความดีที่ถูกต้อง
ที่เป็นหลักธรรมที่มนุษย์ทุ กชีวิตจะต้องถือปฏิบัติและพ ัฒนาให้ได้เป็นพื้นฐานในอัน ดับแรก ก่อนที่จะพัฒนาความรู้และคว ามเก่งทางโลก และสิ่งนี้เอง คือสิ่งที่พระพุทธเจ้าได้ทร
งตรัสสอนไว้ดีแล้ว ในเส้นทางของอริยมรรคมีองค์ แปด ในวิถีแห่งหลักธรรมคำสั่งสอ น คือ ศีล ทาน สติ สมาธิ และปัญญา นั้นแล. ดร.พัชริศร์ หัตถวิจิตรกุล
โรงเรียนอริยวิจิตรบัณฑิตย์